วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ผลไม้เพื่อสุขภาพ

ผลไม้เพื่อสุขภาพ

                                         
1. ความหมายของคำว่า "ผลไม้" 
           ผลไม้ หมายถึง ผลที่เกิดจากการขยายพันธุ์โดยอาศัยเพศของพืชบางชนิด ซึ่งมนุษย์สามารถรับประทานได้ และส่วนมากจะไม่ทำเป็นอาหารคาว ตัวอย่างผลไม้ เช่น ส้ม แอปเปิ้ล กล้วย มะม่วง ทุเรียน รวมถึง มะเขือเทศ ที่สามารถจัดได้ว่าเป็นทั้งผักและผลไม้

2. ความหมายของคำว่า "สุขภาพ"
ในอดีตคำว่า สุขภาพ หมายถึง สุขภาพกายเป็นหลัก ต่อมาจึงได้กล่าวถึงสุขภาพจิตร่วมไปด้วย เพราะเห็นว่าคนที่มีสุขภาพกายสมบูรณ์แข็งแรง แต่สุขภาพจิตเสื่อมโทรมหรือเป็นโรคจิตก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตเป็นปกติสุขได้ ซ้ำร้ายอาจจะทำร้ายผู้อื่นได้อีกด้วย
        ปัจจุบัน คำว่า สุขภาพ มิได้หมายเฉพาะสุขภาพกายและสุขภาพจิตเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงสุขภาพสังคม และสุขภาพศีลธรรมอีกด้วย
        สรุปว่าในความหมายของ "สุขภาพ" ในปัจจุบันมีองค์ประกอบ 4 ส่วน ด้วยกันคือ
        1. สุขภาพกาย หมายถึง สภาพที่ดีของร่างกาย กล่าวคือ อวัยวะต่างๆอยู่ในสภาพที่ดีมีความแข็งแรงสมบูรณ์ ทำงานได้ตามปกติ และมีความสัมพันธ์กับทุกส่วนเป็นอย่างดี และก่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ดีในการทำงาน
        2. สุขภาพจิต หมายถึง สภาพของจิตใจที่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ มีจิตใจเบิกบานแจ่มใส มิให้เกิดความคับข้องใจหรือขัดแย้งในจิตใจ สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีความสุข
        3. สุขภาพสังคม หมายถึง สภาวะที่ดีของปัญญาที่มีความรู้ทั่ว รู้เท่าทันและความเข้าใจอย่างแยกได้ในเหตุผลแห่งความดีความชั่ว ความมีประโยชน์และความมีโทษ ซึ่งนำไปสู่ความมีจิตอันดีงามและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
        4. สุขภาพศีลธรรมหมายถึง บุคคลที่มีสภาวะทางกายและจิตใจที่สุขสมบูรณ์ สามารถปฏิสัมพันธ์และปรับตัวให้อยู่ในสังคมได้เป็นอย่างดีและมีความสุข
        องค์ความรู้ด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตมีสั่งสมไว้มากพอสมควร และเรามีระบบบริการสุขภาพที่ทำงานได้ผลดีทีเดียว แต่เราขาดการศึกษาสุขภาพสังคมและสุขภาพศีลธรรมอย่างเป็นระบบและเชื่อมโยงหากทำได้เราจะจัดการกับสุขภาพสังคมและสุขภาพศีลธรรมได้ดีกว่านี้
        ที่จริงทางตะวันออกและโดยเฉพาะในบริบทของวัฒนธรรมไทย ก็มีเนื้อหาความรู้และข้อปฏิบัติไว้มากมาย เพียงแต่ "นักวิชาการสุขภาพ" ยังมิได้จัดเป็นระบบและเชื่อมโดยจริงจัง
        ตัวอย่างเช่น ในเรื่องสุขภาพสังคม หากเรานำเอาวิถีชีวิต มารยาท ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมไทย มาพูดจากันอย่างจริงจัง และนำเข้าไปอยู่ในระบบอบรมเลี้ยงดู และระบบการศึกษา รวมทั้งระบบบริการสุขภาพด้วยก็จะเกิดประโยชน์
        หรือในเรื่องสุขภาพศีลธรรม เราก็มีศาสนธรรมพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพุทธคริสต์ อิสลาม ฮินดู-พราหมณ์ หรือสิกข์
        หรือปรัชญาขงจื้อที่คนไทยเชื้อสายจีนยึดถือเป็นแนวทางชีวิตล้วนแต่มีคุณค่ามหาศาลที่เราควรนำไปสั่งสอนลูกหลานหรือลูกศิษย์และเป็นองค์ประกอบสำคัญของการศึกษาและการสาธารณสุข
ของประเทศ

3. ผลไม้ไฟเบอร์สูง
       ผลไม้

4. ผลไม้เพื่อสุขภาพ
     4.1 ) มะนาว สุดยอดตัวช่วยลดน้ำหนัก
                                 มะนาว

          เราเก็บเคล็ดลับดี ๆ จากคอลัมน์ The Lemon Juice Diet ของหนังสือ New Book ที่นักเขียนสาว เธเรซา เชียง ได้ให้คำแนะนำกับปัญหาโรคอ้วน ที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการรับประทานมะนาว
          มะนาว ถูกกล่าวขานว่ามีสรรพคุณในการลดความอ้วนได้อย่างดีที่สุด หากคุณทำตามกฎหลักทั้ง 3 ข้อนี้ คุณจะน้ำหนักลดลงได้ดั่งใจปรารถนา
1. ดื่มน้ำ มะนาว กับน้ำอุ่นทุก ๆ เช้า
เพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้ทำงานดียิ่งขึ้น มะนาว เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีมากที่สุด ไม่เพียงแต่จะดีสำหรับช่วยลดไข้ได้ แต่มันยังมีผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนา แนะนำมาว่า ใครที่กินผลไม้และผักที่มีวิตามินซีในปริมาณที่มาก จะมีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร และจะช่วยให้น้ำหนักลดได้ดีกว่าวิธีอื่น ๆ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น มะนาว ยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมให้กักเก็บเอาไว้ในเซลล์ไขมัน ผลวิจัยยังแสดงอีกว่า แคลเซียมที่มีอยู่ในเซลล์ไขมันปริมาณมาก ๆ จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ดียิ่งขึ้น
2. รับประทานผักและผลไม้อย่างน้อยวันละ 5 ชนิด
เพราะผักและผลไม้ทุกประเภท จะมีปริมาณแคลอรีที่น้อยมาก แต่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ เส้นใย และสารอาหารที่ครบครัน จะช่วยในการปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ช่วยให้ระบบประสาททำงานอย่างสงบลง
3. ปรับสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด
โดยการบีบน้ำ มะนาว ลงไปในมื้ออาหารทุกมื้อ หรือผสมเปลือก มะนาว ลงไปในซุปหรือสลัด และบีบมะนาวเพียงเล็กน้อยโปรยลงบนเนื้อปลา และเนื้อไก่ก่อนรับประทาน แล้วจะรู้ว่า มะนาว คือเส้นใยที่มหัศจรรย์ที่สุด เพราะ มะนา วจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงด้วย
นอกจากนี้ผลการศึกษาของวิทยาลัย Journal of the America College of Nutrition รายงานว่า คาร์โบไฮเดรตที่พบในผิวเปลือกของ มะนาว จะสามารถกำจัดความอยากกินให้ลดลงได้ถึง 4 ชั่วโมง เปลือกมะนาวเป็นแหล่งรวมไฟเบอร์ที่ดีที่สุด ช่วยให้ระบบย่อยอาหารสามารถดูดซึมน้ำตาลได้เร็วยิ่งขึ้น หลังจากที่คุณกินมัน คุณจะรู้สึกอิ่มไปอีกนานเลยทีเดียว.
ขอบคุณเนื้อหาดีดีจาก  www.healthcorners.com
4.2 ) เชอร์รี่ผลไม้เพิ่มความสุข
                           เชอร์รี่
           สาวๆ รู้หรือไม่ว่า เชอร์รี่ 
ผลไม้รสเปรี้ยวอมหวานซึ่งอุดมไปด้วย
วิตามินซีที่มีมากกว่าส้มถึง 
30-80 เท่านั้น นอกจาก
จะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส ชะลอ
ความแก่ และช่วยต้านอนุมูล-
อิสระแล้ว 
เชอร์รี่ ยังมีคุณสมบัติ
ช่วยให้สาวๆ ทั้งหลายอารมณ์ดีขึ้นอีกด้วย 
            จากผลงานการวิจัยของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าการกินเชอร์รี่มากถึง 20 ผล
จะช่วยลดอาการซึมเศร้าได้มากกว่าการกินยา เนื่องจากในผลเชอร์รี่มีสารที่ชื่อว่า แอนโธไซยานิน (Anthocyanin) 
ซึ่งเป็นเม็ดสีใน เชอร์รี่ ทำให้ผลไม้ชนิดนี้มีสีสันสดใส และมีสรรพคุณที่สำคัญคือ ทำให้คนกินมีความสุข 
ด้วยเหตุนี้แพทย์ตะวันตกจึงเรียก เชอร์รี่ ว่าเป็น แอสไพรินธรรมชาติถ้าเวลาใดที่สาวๆ รู้สึกเครียดหรือเกิดอาการซึมเศร้าก็ลองเปลี่ยนจากการกินยารักษา มาใช้วิธีธรรมชาติบำบัดด้วยการกินเชอร์รี่นะคะ
4.3 ) กีวี สุดยอดผลไม้ วิตามินซีสูง
                           กีวี

            ได้ทำการศึกษาและค้นพบว่า วิตามินซีในเซสปรี โกลด์กีวี มีประสิทธิภาพในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าวิตามินจากอาหารเสริมถึง 5 เท่า และคงอยู่ในร่างกายได้ยาวนานกว่า 
……….กีวี สามารถให้วิตามินซีที่มีประสิทธิภาพในการดูดซึมมากกว่าวิตามินซี ที่ได้จากอาหารเสริมถึง 5 เท่า สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย รวมถึงป้องกันร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติเพื่อสุขภาพที่ดีในแต่ละวันซึ่งร่างกายมนุษย์ไม่สามารถผลิตวิตามินซีขึ้นได้เอง จะต้องอาศัยการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีเข้าไปเท่านั้น
………การรับประทานกีวี เพียงหนึ่งลูกต่อวัน จะทำให้ร่างกายได้รับปริมาณวิตามินซีที่มากกว่าความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน  นอกจากนี้กีวียังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ และมีส่วนช่วยในการเผาผลาญโปรตีน ตลอดไปจนถึงอุดมด้วยวิตามินอี การรับประทานกีวีเป็นประจำทุกวัน  จะทำให้ได้รับคุณค่าทางสารอาหารมากมาย และเป็นการเสริมสร้างสุขภาพที่ดี ต่อสู้กับโรคต่างๆ ตลอดจนอาการติดเชื้อได้
4.4 ) แอปเปิ้ล ผลไม้หลากสี กับประโยชน์ที่หลากหลาย
                    147642614
          แอปเปิ้ล ผลไม้ยอดนิยม นอกจากรูปร่างจะน่ารับประทานแล้ว ยังมีประโยชน์มากมายอีกด้วย แอปเปิ้ลในท้องตลาดมีอยู่หลายสี แต่ละสีก็มีประโยชน์แตกต่างกัน หลายคนไม่ชอบทานเปลือกแอปเปิ้ล ซึ่งนั่นผิดมหันต์ เพราะจะทำให้คุณค่าจากสารอาหารที่จะได้รับจากผลไม้ชนิดนี้ ลดลงไปอย่างมาก
แอปเปิ้ล สีแดง
ประโยชน์ที่โดดเด่น คือ มีสารแอนตี้ออกซิแดนต์มากที่สุด และยังมีอิลาสตินและคอลลาเจนที่ดีต่อสุขภาพผิวอีกด้วย
แอปเปิ้ล สีชมพู
คุณค่าทางสารอาหารที่สำคัญคือ มีสารฟิโนลิกมากที่สุด ซึ่งสารตัวนี้ช่วยยับยั้งการเกิดฝ้าและชะลอความแก่ นอกจากนั้นยังมีฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมวิตามินซี ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแข็งแรง ลดการอักเสบ ลดไข้ รวมทั้งช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟันได้อีกด้วย
แอปเปิ้ล สีเขียว
มีรสเปรี้ยวอมหวาน ช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้ดี เพราะมีน้ำตาลน้อย และมีสารอิลาสตินและคอลลาเจนเช่นเดียวกัน ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่นได้ดี
แอปเปิ้ล สีเหลือง
มีสารเควอร์ซิติน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และต้อกระจก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : Never-Age.com
4.5 ) ผลไม้สีแดง มีสารต้านอนุมูลอิสระ
                  สารต้านอนุมูลอิสระ
             ธรรมชาติเสกสร้างสีสันให้ผักผลไม้มีความหลากหลาย ในแต่ละสี ก็ล้วนมีดีที่ต่างกันไป ผักผลไม้ที่มีสีแดง หรือที่ฝรั่งเค้าเรียกกันว่า “Red foods” ก็ไม่แพ้ใครเช่นกัน
           ผักผลไม้สีแดงมี สารต้านอนุมูลอิสระ ที่เด่นมากอยู่สองตัวคือ ไลโคพีน และ แอนโทไซยานินส์ ไลโคพีนนั้นเด่นในเรื่องการป้องกันมะเร็งหลายชนิด โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งยอดฮิตของผู้ชาย และยังมีการศึกษากันมากว่าไลโคพีนช่วยให้ผิวทนแสงยูวีได้ดีขึ้น หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นสารกันแดดจากภายในอีกด้วย ส่วน แอนโทไซยานินส์ มีการศึกษากันมากในคุณสมบัติเรื่องการลดคอเลสเตอรอลตัวร้ายในเลือด และช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม อันเป็นโรคที่สัมพันธ์กับอนุมูลอิสระโดยตรง เรามาทำความรู้จักกับผักผลไม้เด็ดๆในกลุ่มสีแดงกันค่ะ
 มะเขือเทศ เป็นขุมพลังไลโคพีน จะนำไปแช่เย็นแล้วทานเล่นแก้เครียด หรือนำไปผัดไฟอ่อนๆกับน้ำมันมะกอกสักเล็กน้อย ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มการดูดซึมให้ดีขึ้น
แตงโม ผลไม้หวานชื่นใจอย่างแตงโมก็มีวิตามินซีสูงเช่นกัน และแน่นอนว่ายังมีไลโคพีนจัดเต็มอีกด้วย ในส่วนของความหวานของแตงโมที่รับประทานเข้าไปเป็นน้ำเสียเยอะ เป็นคาร์โบไฮเดรตและถูกเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในเลือดจริงๆแล้วน้อย ค่าไกลซีมิกโหลดจึงไม่สูง สรุปว่า รับประทานได้ ไม่อ้วน (ถ้าจัดแต่พอประมาณ ไม่ใช่ครั้งละลูกสองลูก!!)
สตรอเบอรี่ เป็นแหล่งของวิตามินซีและโฟลิก ประมาณว่าอัดแน่นด้วยสารต้านอนุมูลอิสระทานแล้วทั้ง ผิว ตา หัวใจ ต่อมลูกหมาก ได้ชะลอวัยไปพร้อมๆกัน และที่สำคัญ จัดเป็นผลไม้น้ำตาลไม่สูง จึงกินได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด
เชอรี่ ต้านการอักเสบได้ดี (การอักเสบซ่อนเร้นในระดับเซลล์ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวเราแก่) และยังมีโปแทสเซี่ยมสูง ให้ผลดีในผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง (แต่ไม่เหมาะกับคนเป็นโรคไต)
พริกหยวกแดง แหล่งของวิตามินเอและซีระดับเข้มข้น นอกจากนำมาทานเป็นสลัดแล้ว ยังอาจนำมาผัดกับเนื้อสัตว์ต่างๆ นึ่งทานกับน้ำพริก หั่นชิ้นเล็กเจียวกับไข่ หรืออีกสารพัดเมนูแล้วแต่จะสร้างสรรค์
ราสเบอรี่ มีคุณสมบัติกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่ช่วยสลายไขมัน จึงเหมาะกับการนำมารับประทานทดแทนขนมในช่วงลดน้ำหนัก
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นทางเลือกหลักที่เราควรให้ความสำคัญเสมอ แต่สำหรับคนรักสุขภาพที่ไม่มั่นใจว่าจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระอย่างเพียงพอจากอาหารที่ได้รับประทานในแต่ละวัน อาจลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมเพื่อเป็นทางเลือกได้ค่ะ
ที่มาจาก โรงพยาบาลสมิติเวช
5. เทคนิดการปลูกผลไม้ในภาชนะ
ban-1เทคนิคการปลูกไม้ผลในภาชนะ
ในอดีตที่ผ่านมาการทำเกษตรกรรม การปลูกพืช หรือการเลี้ยงสัตว์ ล้วนแต่ทำเพื่อพออยู่พอกิน เหลือก็เอาไปขายซื้อสิ่งของอย่างอื่นที่ในพื้นที่ของตัวเองไม่มี ประกอบกับประชากรในประเทศยังมีไม่มากเหมือนปัจจุบัน ครอบครัวหนึ่งจะมีพื้นที่ถือครองอย่างน้อย 10 ไร่ขึ้นไป แต่ในปัจจุบันประชากรในประเทศเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ พื้นที่ทางการเกษตรหรือพื้นที่ถือครองลดน้อยถอยลง และกลายเป็นบ้านจัดสรรไปก็มาก พื้นที่ในบริเวณบ้านที่จะปลูกไม้ผลไว้รับประทานก็แทบจะไม่มี เพราะฉะนั้นทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ผักผลไม้ต้องซื้อหาแทบทั้งนั้น เกษตรกรผู้ผลิตผักผลไม้ก็ใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช อย่างไม่ระมัดระวังและเกินความจำเป็น ทำให้ประชาชนทั่วไปที่บริโภคได้รับสารเคมีเหล่านั้นตกค้าง ต้องผจญกับโรคภัยไข้เจ็บและต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากในการรักษา และรัฐต้องสูญเสียงบประมาณมหาศาลในการนำเข้ายารักษาโรค ถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องช่วยกันทำให้บ้านเรามีอากาศที่บริสุทธิในการหายใจ มีผลไม้ไว้รับประทานและใช้ประดับไว้บริเวณบ้าน มีผักที่ปลอดภัยจากสารเคมีไว้บริโภคในครัวเรือน ประหยัดรายจ่ายตามแนวพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียง และที่สำคัญยังสร้างบรรยากาศในครอบครัวให้รักใคร่กลมเกลียวในการชื่นชมผลผลิต ดอกและผลที่ได้ร่วมกันปลูก
ประโยชน์ของการปลูกไม้ผลในภาชนะ
- เจริญเติบโตได้เร็วกว่าปลูกลงดิน เพราะดินปลูกมีความร่วนซุย และ โปร่ง
- ใช้พื้นที่น้อย
- ให้ผลผลิตเร็ว
- ดูแลรักษาด้านโรค แมลง วัชพืช และการห่อผลง่าย
- บังคับออกดอกติดผลได้ 
- ควบคุมคุณภาพ และรสชาติได้ ดีกว่าปลูกลงดิน
- สามารถเคลื่อนย้าย หรือยกขายทั้งภาชนะได้ 
- ใช้เป็นไม้ประดับภายในบ้าน 
- สร้างบรรยากาศภายในครอบครัว 
- ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ มลภาวะ คายออกซิเจน และลดโลกร้อน
ชนิดของไม้ผลที่ปลูกในภาชนะ
ลำไย มะม่วง ลิ้นจี่ ส้ม ส้มโอ มะนาว ขนุน น้อยหน่า มะปราง มะยงชิด ละมุด มะละกอ กล้วย มะดัน ชมพู่ ลองกอง เงาะ มังคุด ทุเรียน เชอร์รี่ มะขาม มะไฟ มะเฟือง ฯลฯ
katang1katang2
กล้วยน้ำหว้าในกระถาง
กล้วยหอมในกระถาง
katang8katang11
ปลูกผักในวงบ่อปลูกละมุดในกระถาง
katang15katang17
มะม่วงในกระถางส้มโอในกระถาง
a0014lemon14
น้อยหน่าในกระถางมะเฟืองในกระถาง
lemon12lemon11
มะม่วงในกระถางมะนาวในวงบ่อซีเมนต์
lemon13lemon15
ฝรั่งในกระถางแถวไม้ผลในกระถาง

ภาชนะที่ใช้ปลูก
- วัสดุที่ไม่ใช้ประโยชน์แล้ว เช่น ปีบ กะละมัง ถังน้ำ ตุ่มใส่น้ำ ตุ่มกรองน้ำ หม้อต่างๆ ยางรถยนต์ ฯลฯ - กระถางพลาสติก กระถางดินเผา กระถางโอ่งมังกรราชบุรี วงบ่อซีเมนต์ ฯลฯ

วัสดุปลูก
- ดินดำ (หน้าดิน) 1 ส่วน - แกลบดิบ (เปลือกข้าว) 2 ส่วน - มูลวัว , มูลควาย 1 ส่วน 

การปลูกไม้ผลในวงบ่อซีเมนต์
ระยะปลูกตั้งแต่ ระยะระหว่างต้น 3 เมตร ระหว่างแถว 4 เมตร ขึ้นไป ( 1 ไร่จะปลูกได้ 133 ต้น) บ่อซีเมนต์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซนติเมตร สูง 40 เซนติเมตร ใช้ฝาวงบ่อซีเมนต์วางลงบนพื้นปรับให้เรียบ เอาวงบ่อวงซีเมนต์วางทับบนฝา จากนั้นผสมดิน 1 ส่วน แกลบดิบ (เปลือกข้าว) 2 ส่วน และปุ๋ยคอก 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่ลงในวงบ่อซีเมนต์ เหลือขอบวงบ่อซีเมนต์ไว้ประมาณ 3 นิ้ว นำไม้ผลลงปลูก และรดน้ำ ปักไม้ผูกเชือกลำต้นกันลมโยก เป็นอันว่าเสร็จกระบวนการ

การใช้วัสดุคลุมดินในการปลูกไม้ผลในภาชนะ
katang7ประโยชน์ของวัสดุคลุมดิน
- ประหยัดน้ำ และประหยัดแรงงานในการให้น้ำ ปกติการปลูกไม้ผลในภาชนะต้องรดน้ำ
วันเว้นวัน ถ้าหาก ใช้วัสดุคลุมหน้าดิน 4 วันรดน้ำ 1 ครั้ง เนื่องจากการระเหยของน้ำ
จากแสงแดด
- ป้องกันวัชพืช และประหยัดแรงงานในการกำจัดวัชพืช วัชพืชไม่ได้รับแสง
จึงไม่สามารถงอกได้
- เพิ่มธาตุอาหาร และประหยัดเงินในการซื้อปุ๋ย เมื่อวัสดุคลุมหน้าดินโดนน้ำมีความชื้น
จะทำให้การย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้ได้เร็ว
- ไม่เกิดมลภาวะในการเผาทำลาย

วัสดุคลุมดิน
ได้แก่ ฟางข้าวแห้ง หญ้าแห้ง ชังข้าวโพดแห้ง กิ่งไม้บดแห้ง แกลบ (เปลือกข้าว) ผักตบชวาแห้ง เศษผัก เศษอาหาร พืชตะกุลถั่ว มูลวัว กากแอปเปิ้ล ฟางข้าวสาลี กระดาษ ขี้เลื่อย กาแฟบด เปลือกไม้ ขยะผลไม้ มูลสัตว์ปีกสด มูลม้า หนังสือพิมพ์ ใบสน มูลที่เน่าเปื่อย ใบไม้แห้ง(ใบจามจุรี หรือใบก้ามปู ดีที่สุด มีไนโตรเจน 3.25 เปอร์เซ็นต์)

ตารางแสดงอัตราส่วน C:N ของวัตถุอินทรีย์ทั่วไป
วัตถุอินทรีย์
อัตราส่วน C:N
เศษผัก
12-20:1
เศษอาหาร
18:1
พืชตะกูลถั่ว
13:1
มูลวัว
20:1
กากแอปเปิ้ล
21:1
ใบไม้
40-80:1
ฟางข้าวโพด
60:1
ฟางข้าวสาลี
74:1
กระดาษ
80:1
ขี้เลื่อย
150-200:1
เศษหญ้า
100-150:1
กาแฟบด
12-25:1
เปลือกไม้
20:1
ขยะผลไม้
100-130:1
มูลสัตว์ปีกสด
10:1
มูลม้า
25:1
หนังสือพิมพ์
50-200:1
ใบสน
60-110:1
มูลที่เน่าเปื่อย
20:1
ที่มา:การทำปุ๋ยหมัก(Composting) ดร.ฉัตรชัย จันทร์เด่นดวง
katang6
อัตราส่วนคาร์บอนต่อไนโตรเจน แสดงให้ท่านได้ทราบว่า ถ้าหากค่าของคาร์บอนยิ่งน้อยแสดงว่าการย่อยสลายของวัสดุนั้นๆ เร็ว คือสามารถย่อยและเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้ของท่านเร็ว ตรงกันข้ามถ้าหากค่าของคาร์บอนยิ่งสูงยิ่งย่อยสลายช้า เพราะฉะนั้นท่านสามารถเลือกวัสดุคลุมดินที่มีประโยชน์กับต้นไม้ของท่านได้ และยังสามารถทราบถึงการนำไปทำปุ๋ยหมักได้ด้วย

katang9katang10
ปลูกมะนาวในถังสีที่ใช้แล้วปลูกไม้ผลในถังสารโพแตสเซียมคลอเรต
katang12katang13
พริกไทยปลูกในถังมะนาวในกระถาง

การปลูกไม้ผลในวงบ่อซีเมนต์ร่วมกับพืชผัก
ในระหว่างไม้ผลเจริญเติบโต และยังไม่ให้ผลผลิต เราควรจะใช้พื้นที่ในวงบ่อซีเมนต์ให้เกิดประโยชน์ โดยการปลูกพืชผักในวงบ่อซีเมนต์ ไว้บริโภคในครัวเรือน และยังทำไปจำหน่ายเป็นอาชีพkatang18เสริมเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่ง ชนิดพืชผักที่สามารถปลูกร่วมกับไม้ผลได้ เช่น ผักกวางตุ้ง ผักฮ่องเต้ คะน้า กะหล่ำ ผักบุ้งจีน มะเขือ กระเจี๊ยบ กระเพรา โหรพา สละแหน่ ผักไผ่ คื่นฉ่าย ผักชี พริก ฯลฯ

การปลูกไม้ผลในวงบ่อซีเมนต์
ระยะปลูกตั้งแต่ ระยะระหว่างต้น 3 เมตร ระหว่างแถว 4 เมตร ขึ้นไป ( 1 ไร่จะปลูกได้ 133 ต้น) บ่อซีเมนต์ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซนติเมตร สูง 40 เซนติเมตร ใช้ฝาวงบ่อซีเมนต์วางลงบนพื้นปรับให้เรียบ เอาวงบ่อวงซีเมนต์วางทับบนฝา จากนั้นผสมดิน 1 ส่วน แกลบดิบ (เปลือกข้าว) 2 ส่วน และปุ๋ยคอก 1 ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่ลงในวงบ่อซีเมนต์ เหลือขอบวงบ่อซีเมนต์ไว้ประมาณ 3 นิ้ว นำไม้ผลลงปลูก และรดน้ำ ปักไม้ผูกเชือกลำต้นกันลมโยก เป็นอันว่าเสร็จกระบวนการ

ท่านผู้อ่านท่านใดสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อาจารย์พิชัย สมบูรณ์วงศ์ นักวิชาการเกษตร ชำนาญการพิเศษ ฝ่ายนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทร. 053-873938-9 ในวันและเวลาราชการ
















































































































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น